เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คฯ ชนะการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากธนาคารธนชาต มูลค่า 44.34 ล้านบาท คาดอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายการซื้อหนี้ในครั้งนี้อยู่ที่ 10-12% พร้อมประเมินมูลหนี้สะสมที่ซื้อมาในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 138.69 ล้านบาทแล้ว จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท “ปิยะ” เผยอยู่ระหว่างประมูลโครงการหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง หลังภาพรวมตลาดสินเชื่อปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว แถมผลพวงหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายรถคันแรก หนุนผลงานทั้งปีนี้รายได้โตอีก 25-30% และกำไรเติบโตขึ้นต่อเนื่องได้ไม่ยาก

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจาก บริษัท ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อนำมาบริหาร และติดตามเร่งรัดชำระหนี้ และสามารถชนะการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าว และได้ลงนามในสัญญาซื้อโอนสิทธิเรียกร้องลูกหนี้กับธนชาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมูลค่าการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้มีราคาซื้อเท่ากับ 44.34 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 6.00 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท และบริษัทย่อย ซึ่งคำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณมูลหนี้ด้อยคุณภาพสะสมในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2555-มีนาคม 2556) ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ทำการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารแล้วมูลค่า 94.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.68 โดยเมื่อรวมกับการซื้อหนี้รอบล่าสุดที่ 44.34 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารรวมเท่ากับ138.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.68 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัท และบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่ามูลค่าการลงทุนล่าสุด บริษัทฯ จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-12 ต่อปี ซึ่งจัดว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่า และสูงกว่าอัตราต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ชำระมูลหนี้ทั้งหมดที่ซื้อมาในครั้งนี้เป็นเงินสดเรียบร้อยแล้วในวันที่ทำสัญญา โดยเงินลงทุนในการซื้อหนี้ครั้งนี้มาจากแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน

“ล่าสุด บริษัทฯ ชนะการประมูลซื้อหนี้จากธนาคารธนชาตมูลค่า 44.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตที่มาจากธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งมูลค่าที่ประมูลได้ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจอย่างมาก และในเบื้องต้น คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนจากการเข้าประมูลซื้อหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเพิ่มเติมอีกในไตรมาส 2/56 นี้ อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลโครงการซื้อหนี้เพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าทั้งปี 2556 จะมีพอร์ตซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท” นายปิยะกล่าว